ณ ท้องพระโรงพระราชวังแวร์ซายส์แห่งราชสำนัก « กษัตริย์สุริยเทพ » สมบัติทุกชิ้นล้วนแต่ดูงดงามตระการตา แต่เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2429 การมาเยือนพระราชวังของคณะราชทูตสยามได้เพิ่มเสน่ห์ให้พระราชวังอีกหลายเท่าตัว โดยคณะทูตได้อันเชิญพระราชสาสน์สีทองของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขึ้น มณฑป และนำไปตั้งที่ปลายพระราชบัลลังก์ เพื่อถวายแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ความยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้สามารถประเมินได้จากรายการเครื่องราชบรรณาการที่สยามนำมาถวายแก่ฝรั่งเศส อาทิเช่น เครื่องสังคโลก เครื่องหยก เครื่องเคลือบ ผ้าไหม เป็นต้น ซึ่งสร้างความประทับพระราชหฤทัยแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และพระบรมวงศานุวงศ์เป็นอย่างมาก การถวายบังคมต่อหน้าพระพักตร์แทนการทักทายแบบตะวันตก สร้างความประหลาดใจให้เหล่าขุนนางนับ 1,500 คนที่เข้าร่วมพิธี ผ้าทอมือลายสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินสลับขาวได้กลายเป็นที่แพร่หลายอย่างรวดเร็วในหมู่ขุนนางฝรั่งเศส ทางด้าน « กษัตริย์สุริยเทพ » แห่งฝรั่งเศส ทรงสร้างความประทับใจโดยการเสด็จออกรับคณะราชทูต ณ ห้องกระจกแห่งพระราชวังแวร์ซายส์ ซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ห้องโถงนี้มีความยาว 73 เมตร ประกอบด้วยซุ้มประตู 17 ซุ้ม โดยแต่ละซุ้มประดับกระจกเงา 21 บาน รวมทั้งสิ้น 357 บาน กระจกเงาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการขยายพระราชอำนาจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในเวลาต่อมา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมอบหมายให้เหล่าขุนนางสั่งกระจกหลายพันบานเพื่อนำมาประดับพระบรมมหาราชวังในกรุงศรีอยุธยา และลพบุรี และบางส่วนใช้ประดับผนังพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท จังหวัดลพบุรี ก่อนย้ายไปยังเจดีย์หลักที่วัดพระพุทธบาท